ขาบวมแบบกดบุ๋ม (Pitting Edema)
Pitting Edema หรือ ภาวะบวมน้ำแบบกดแล้วบุ๋ม คืออาการที่มีของเหลวสะสมในเนื้อเยื่อใต้ผิวหนัง โดยเฉพาะบริเวณ ขา เท้า หรือข้อเท้า เมื่อใช้นิ้วกดลงไปตรงบริเวณที่บวม จะเกิดรอยบุ๋มที่ค้างอยู่นานก่อนจะคืนกลับ
ลักษณะเฉพาะของ Pitting Edema
- พบมากที่ ปลายเท้า ข้อเท้า หรือหน้าแข้ง
- กดด้วยนิ้วแล้วมีรอยบุ๋มชัดเจน
- รอยบุ๋มหายช้ากว่าปกติ (อาจนานหลายวินาที)
สาเหตุของ Pitting Edema
Pitting edema ไม่ใช่โรคแต่เป็น อาการ ที่บ่งบอกถึงความผิดปกติในร่างกาย เช่น
1. ภาวะหัวใจล้มเหลว (Heart Failure)
- หัวใจสูบฉีดเลือดไม่ดี ทำให้เลือดคั่งที่ขา
2. โรคไต (Kidney Disease)
- ไตกรองของเสียไม่ดี ทำให้ของเหลวสะสมในร่างกาย
3. โรคตับ (Liver Cirrhosis)
- ตับทำงานผิดปกติ ทำให้ระดับอัลบูมินในเลือดต่ำ จึงเกิดการรั่วของน้ำออกนอกหลอดเลือด
4. หลอดเลือดดำขาอุดตัน (DVT) หรือ เส้นเลือดดำไม่ดี (Chronic Venous Insufficiency)
- ทำให้เลือดไหลเวียนกลับหัวใจไม่สะดวก
5. ขาดโปรตีน (Hypoalbuminemia)
- อาจเกิดจากการขาดอาหารหรือโรคบางชนิด
6. ผลข้างเคียงของยา
- เช่น ยาลดความดันบางชนิด (amlodipine), ยาต้านอักเสบบางกลุ่ม (NSAIDs)
7. ตั้งครรภ์ หรือยืนนานเกินไป
- ทำให้เลือดไหลเวียนช้าลง เกิดอาการบวมชั่วคราว
การวินิจฉัย
- ตรวจร่างกายโดยกดดูรอยบุ๋ม
- ตรวจเลือด (ดูค่าไต ตับ โปรตีนในเลือด)
- ตรวจปัสสาวะ
- ตรวจคลื่นหัวใจ / อัลตราซาวด์หัวใจ
- ตรวจ Doppler หลอดเลือดขา (ถ้าสงสัยลิ่มเลือด)
แนวทางการรักษา
การรักษาขึ้นอยู่กับสาเหตุ เช่น
- หัวใจล้มเหลว ใช้ยาขับปัสสาวะและยาควบคุมหัวใจ
- ไตหรือตับผิดปกติ รักษาตามโรคต้นเหตุ
- การบวมจากการยืนนาน ยกขาสูง พักขา ใส่ถุงรัดขา (compression stockings)
- ปรับยาที่อาจก่อให้เกิดอาการบวม
เมื่อใดควรพบแพทย์
- บวมมากขึ้นเรื่อย ๆ
- บวมข้างเดียว ร่วมกับปวดร้อน อาจเป็นลิ่มเลือดอุดตัน
- เหนื่อย หอบ น้ำหนักขึ้นเร็ว ร่วมกับขาบวม
- ปัสสาวะน้อยลง หรือมีอาการตา/หน้าบวมร่วมด้วย