ผู้ป่วยติดเตียง คือกลุ่มผู้ที่ไม่สามารถเคลื่อนไหวหรือช่วยเหลือตนเองได้อย่างเพียงพอ และต้องอาศัยผู้อื่นในการทำกิจวัตรประจำวัน เช่น รับประทานอาหาร เปลี่ยนท่า ปัสสาวะ อุจจาระ หรืออาบน้ำ การดูแลผู้ป่วยกลุ่มนี้ไม่ใช่เพียงแค่เรื่องทางกายภาพเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการดูแลด้านจิตใจ อารมณ์ โภชนาการ และการป้องกันภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ
ลักษณะของผู้ป่วยติดเตียง
ผู้ป่วยติดเตียงสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 กลุ่มหลัก:
- ผู้ป่วยติดเตียงระยะสั้น: มักเกิดจากอุบัติเหตุหรือการผ่าตัด เช่น กระดูกหัก หรือฟื้นตัวจากภาวะเฉียบพลัน
- ผู้ป่วยติดเตียงเรื้อรัง: มักเกิดจากโรคประจำตัว เช่น โรคหลอดเลือดสมอง โรคอัลไซเมอร์ หรือกล้ามเนื้อเสื่อม
- ผู้ป่วยระยะสุดท้าย: เป็นผู้ป่วยที่มีภาวะใกล้เสียชีวิต เช่น มะเร็งระยะสุดท้าย
เป้าหมายของการดูแลผู้ป่วยติดเตียง
- ป้องกันการเกิดแผลกดทับ
- ลดความเสี่ยงของการติดเชื้อ
- ส่งเสริมภาวะโภชนาการที่เหมาะสม
- ดูแลด้านจิตใจและอารมณ์ของผู้ป่วย
- สร้างความร่วมมือกับครอบครัว
การดูแลด้านกายภาพ
1. การเปลี่ยนท่า
การเปลี่ยนท่าผู้ป่วยทุกๆ 2-3 ชั่วโมง มีความสำคัญในการป้องกันแผลกดทับ โดยเฉพาะบริเวณที่มีแนวโน้มเกิดแผล เช่น สะโพก ก้นกบ หลังส้นเท้า และข้อศอก
เทคนิค:
- ใช้หมอนรองระหว่างขาและข้อศอก
- ใช้ผ้ายางหรือแผ่นรองกันเปื้อน
- ใช้เตียงไฟฟ้าหรือเตียงปรับระดับเพื่ออำนวยความสะดวก
2. การทำความสะอาดร่างกาย
ควรอาบน้ำหรือเช็ดตัวผู้ป่วยวันละครั้ง โดยใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นเช็ดในแนวจากบนลงล่าง และใส่ใจความสะอาดของบริเวณที่มีรอยพับ เช่น รักแร้ ขาหนีบ
3. การดูแลช่องปาก
แปรงฟันหรือเช็ดช่องปากด้วยน้ำเกลือทุกวัน ใช้ไม้พันสำลีสำหรับผู้ป่วยที่อ้าปากไม่ได้
4. การดูแลระบบขับถ่าย
- ปัสสาวะ: อาจใช้สายสวนปัสสาวะ (Foley catheter) หรอถุงปัสสาวะแบบพกพา
- อุจจาระ: อาจต้องกระตุ้นลำไส้ด้วยยาเหน็บหรือดูแลให้ผู้ป่วยขับถ่ายทุกวัน
การดูแลด้านโภชนาการ
ผู้ป่วยติดเตียงมักประสบปัญหาการกลืนลำบาก การรับประทานอาหารควรเป็นไปอย่างระมัดระวัง
แนวทางแนะนำ:
- ให้ผู้ป่วยรับประทานอาหารเนื้อนิ่ม ย่อยง่าย
- ปรับท่าทางให้นั่งตัวตรงขณะรับประทาน
- หากกลืนลำบาก อาจใช้อาหารปั่นหรืออาหารทางสายให้อาหาร (NG Tube)
- ให้ดื่มน้ำอย่างเพียงพอเพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ
การป้องกันแผลกดทับ
แผลกดทับเกิดจากแรงกดทับอย่างต่อเนื่องบริเวณผิวหนัง ซึ่งสามารถป้องกันได้โดย:
- เปลี่ยนท่าทุก 2 ชั่วโมง
- ใช้เบาะลม หรือเบาะลดแรงกด
- ตรวจเช็กรอยแดง ผื่น หรือจุดที่เสี่ยงเกิดแผลทุกวัน
- ให้ผู้ป่วยมีสารอาหารครบถ้วนโดยเฉพาะโปรตีนและวิตามิน
การฟื้นฟูร่างกายและกายภาพบำบัด
ผู้ป่วยติดเตียงไม่ควรอยู่เฉยโดยไม่มีการเคลื่อนไหว การกระตุ้นด้วยการทำกายภาพบำบัดเบา ๆ เช่น การยืดเหยียดข้อ การพับเหยียดขา-แขน และการพยุงให้นั่งเป็นช่วงๆ จะช่วยป้องกันข้อยึดกล้ามเนื้อฝ่อลีบ และลดความเสี่ยงของภาวะหลอดเลือดดำอุดตัน
การดูแลสุขภาพจิตและอารมณ์
ผู้ป่วยติดเตียงมีแนวโน้มเกิดภาวะซึมเศร้า วิตกกังวล และรู้สึกไร้ค่า การดูแลด้านจิตใจจึงมีความสำคัญมากพอๆ กับร่างกาย
สิ่งที่ควรทำ:
- พูดคุยกับผู้ป่วยสม่ำเสมอ
- กระตุ้นความจำด้วยภาพถ่าย เพลง หรือของที่มีความหมาย
- ให้มีเวลาอยู่กับคนในครอบครัว
- เปิดเพลงเบา ๆ หรือดูทีวีร่วมกัน
- พาผู้ป่วยออกมารับแสงแดดอ่อน ๆ ตอนเช้า
อุปกรณ์ช่วยเหลือในการดูแล
- เตียงไฟฟ้าปรับระดับ
- เบาะลมลดแรงกดทับ
- เครื่องดูดเสมหะ
- เครื่องช่วยหายใจ (หากมีภาวะหายใจล้มเหลว)
- รถเข็นหรือที่พยุงตัวนั่งได้
ภาวะแทรกซ้อนที่ควรเฝ้าระวัง
- แผลกดทับ
- ปอดบวม
- ภาวะติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ
- ท้องผูกเรื้อรัง
- ภาวะกล้ามเนื้อฝ่อลีบ
- ภาวะหลอดเลือดดำอุดตัน (DVT)
- ภาวะซึมเศร้า
หากพบความผิดปกติ เช่น มีไข้สูง หนาวสั่น หายใจเร็ว หรือปัสสาวะขุ่น มีกลิ่นแรง ควรรีบแจ้งแพทย์ทันที
บทบาทของครอบครัว
ครอบครัวมีบทบาทสำคัญในการสร้างกำลังใจและแรงสนับสนุนให้ผู้ป่วยรู้สึกมีคุณค่า โดยสามารถช่วยในหลายด้าน เช่น:
- ร่วมมือกับผู้ดูแลหรือพยาบาล
- มีเวลาอยู่กับผู้ป่วย
- ตัดสินใจร่วมในการวางแผนการรักษา
- ดูแลสภาพแวดล้อมให้ปลอดภัยและสะอาด
การจ้างผู้ช่วยดูแล
ในบางกรณีที่ครอบครัวไม่สามารถดูแลได้เต็มเวลา อาจจำเป็นต้องจ้างผู้ดูแลมืออาชีพหรือใช้บริการพยาบาลที่บ้าน (Home Care)
ข้อดีของผู้ช่วยดูแล:
- มีประสบการณ์ดูแลผู้ป่วย
- ช่วยทำกิจวัตรประจำวัน เช่น เปลี่ยนผ้าอ้อม อาบน้ำ ให้อาหาร
- ดูแลเรื่องยาและการเฝ้าระวังอาการ
การวางแผนระยะยาว
หากผู้ป่วยติดเตียงเรื้อรัง ควรวางแผนล่วงหน้า เช่น:
- การเตรียมงบประมาณดูแลระยะยาว
- ประกันสุขภาพหรือสิทธิ์บัตรทอง
- การดูแลแบบ Palliative Care (ประคับประคอง)
สรุป
การดูแลผู้ป่วยติดเตียงคือภารกิจที่ต้องใช้ความอดทน ความเข้าใจ และความร่วมมืออย่างรอบด้าน ทั้งจากบุคคลในครอบครัว แพทย์ พยาบาล และผู้ช่วยดูแล ผู้ป่วยที่ได้รับการดูแลที่ดี มีความสุข และได้รับความรักความเข้าใจ จะสามารถมีคุณภาพชีวิตที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แม้จะอยู่ในสภาวะจำกัดด้านร่างกาย